ช่วงนี้มีกรณีศึกษาเรื่องการวิจารณ์ภาพยนตร์ในสังคมโซเชียลมีเดียให้อ่านกันอย่างเมามันส์ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าหนังที่ทำให้คนสนใจก็มักจะเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ขนาดใหญ่ หรือถ้าเป็นหนังไทยก็ต้องเป็นหนังที่ได้รับความสนใจจากกระแสสังคมพอสมควร
ซึ่งพอเป็นหนังที่กระแสมวลชนสนใจมากๆ บทวิจารณ์ที่ไม่เป็นไปตามความสนใจหรือไม่เป็นไปตามกระแสสังคม ก็มักจะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ เพราะคนส่วนมากมักคิดว่า หนังที่มีหน้าหนังน่าดู ยิ่งใหญ่ หรือเป็นหนังที่คนทั้งโลกรอคอย จะต้องเป็นหนังดีไปโดยปริยาย
ดังนั้นการวิจารณ์/รีวิว ของคนดูหนังทั่วไปจริงๆ ที่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักวิจารณ์ก็มักจะแบกความอยากดูของตัวเองเข้าไปก่อนดูหนังอยู่แล้ว หรืออาจเป็นไปได้ว่ามันเป็นหนังที่อยู่ในใจเราตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าฉายด้วยซ้ำไป
แต่มันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้แบกความอยากดูแบบนั้น เข้าไปดูหนังด้วย แต่เข้าไปดูเพราะอยากรู้ว่ามันจะดีเหมือนกับที่กระแสสังคมรอคอยหรือไม่ ทำให้ก่อนเข้าไปดูหนัง ซึ่งถูกหน้าหนังอวย หรือเห็นกระแสสังคมโหมกระหน่ำความอยากดู ซึ่งทำให้กลุ่มนี้ที่ไม่ได้อยากดูมากกเป็นทุนเดิม อาจจะแบกความรำคาญเข้าไปก่อนดูได้เช่นกัน ซึ่งพอดูไปแล้ว เมื่อมันไม่ได้ดีเหมือนหนังที่เขาเคยดูมาก่อน แต่กลับเจอการอวยเวอร์ของคน เช่น มันเป็นหนังดีที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยดู ก็อาจจะทำให้กระแสแบบนั้นมีผลต่อการประเมินค่าที่บวกลบกับความรำคาญของกระแสสังคมไปด้วย หนังเรื่องนั้นก็จะถูกประเมินต่ำเพื่อเป็นการจิกกัดประชดประชันสังคม เพื่อทำให้เห็นว่า หนังที่คนรอคอยนั้น มันก็ไม่ได้มีค่าสูงส่งไปกว่าหนังที่อาจจะไม่มีคนรอคอยใดๆด้วยซ้ำไป
หลายคนอาจจะบอกได้ว่า นี่เป็นการวิจารณ์ของคนดูหนัง ที่ดูหนังแต่บล็อกบัสเตอร์ที่อิงกับกระแส กับ คนดูหนังที่ดูหนังอย่างหลากหลายไม่อิงกระแส และมักจะชื่นชมหนังรางวัล จนอาจเรียกว่าเป็นคนดูหนังรางวัล
จนเกิดกระแสปะทะกันระหว่าง คนดูหนังสายแมส กับ สายรางวัล ได้
ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนดูหนังสายแมสที่แบกความอยากดูเข้าไปก่อนดูหนัง หรือรักหนังก่อนดูไปแล้ว หรือจะเป็นอีกสายหนึ่งที่แบกความรำคาญเข้าไปดูเพราะคนเห่อกระแสจนน่ารำคาญ
ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็น การวิจารณ์จากสองเพจดังที่เห็นกัน
อีกฝ่ายก็อวยไส้แตก
อีกฝ่ายก็ด่าแหกติ่ง
แล้วสุดท้ายตรงกลางมันอยู่ตรงไหน
สุดท้ายนี่คือหนังทีดีที่สุดในชีวิตจริงหรือ ?
หรือนี่คือหนังห่วยจนไม่มีคุณค่าอะไรหลงเหลืออยู่จริงหรือไม่ ?
การอวยหนังเวอร์จนเกินจริงจนเหมือนว่าเป็นคนของค่ายหนังซะเอง หรือต้องการจะแหวกกระแสติ่งเพื่อให้คนตาสว่าง
บทสรุปที่ได้ไม่สามารถวัดได้ว่าเป็นอย่างไร
แต่ก็สนุกดีที่กรณีนี้ทำให้เราได้มีตัวอย่างว่า นี่ก็เป็นวัฒนธรรมการดูหนังและการวิจารณ์หนังในโลกโซเชียลมีเดียเหมือนกัน
ว่าแต่เราจะจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มนักดูหนังฝ่ายไหนกันดี ?
ขอบคุณครับ
แสดงความเห็นเรื่อง ดราม่า 2 เพจหนัง ที่วิจารณ์เรื่อง Fast 7
ซึ่งพอเป็นหนังที่กระแสมวลชนสนใจมากๆ บทวิจารณ์ที่ไม่เป็นไปตามความสนใจหรือไม่เป็นไปตามกระแสสังคม ก็มักจะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ เพราะคนส่วนมากมักคิดว่า หนังที่มีหน้าหนังน่าดู ยิ่งใหญ่ หรือเป็นหนังที่คนทั้งโลกรอคอย จะต้องเป็นหนังดีไปโดยปริยาย
ดังนั้นการวิจารณ์/รีวิว ของคนดูหนังทั่วไปจริงๆ ที่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักวิจารณ์ก็มักจะแบกความอยากดูของตัวเองเข้าไปก่อนดูหนังอยู่แล้ว หรืออาจเป็นไปได้ว่ามันเป็นหนังที่อยู่ในใจเราตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าฉายด้วยซ้ำไป
แต่มันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้แบกความอยากดูแบบนั้น เข้าไปดูหนังด้วย แต่เข้าไปดูเพราะอยากรู้ว่ามันจะดีเหมือนกับที่กระแสสังคมรอคอยหรือไม่ ทำให้ก่อนเข้าไปดูหนัง ซึ่งถูกหน้าหนังอวย หรือเห็นกระแสสังคมโหมกระหน่ำความอยากดู ซึ่งทำให้กลุ่มนี้ที่ไม่ได้อยากดูมากกเป็นทุนเดิม อาจจะแบกความรำคาญเข้าไปก่อนดูได้เช่นกัน ซึ่งพอดูไปแล้ว เมื่อมันไม่ได้ดีเหมือนหนังที่เขาเคยดูมาก่อน แต่กลับเจอการอวยเวอร์ของคน เช่น มันเป็นหนังดีที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยดู ก็อาจจะทำให้กระแสแบบนั้นมีผลต่อการประเมินค่าที่บวกลบกับความรำคาญของกระแสสังคมไปด้วย หนังเรื่องนั้นก็จะถูกประเมินต่ำเพื่อเป็นการจิกกัดประชดประชันสังคม เพื่อทำให้เห็นว่า หนังที่คนรอคอยนั้น มันก็ไม่ได้มีค่าสูงส่งไปกว่าหนังที่อาจจะไม่มีคนรอคอยใดๆด้วยซ้ำไป
หลายคนอาจจะบอกได้ว่า นี่เป็นการวิจารณ์ของคนดูหนัง ที่ดูหนังแต่บล็อกบัสเตอร์ที่อิงกับกระแส กับ คนดูหนังที่ดูหนังอย่างหลากหลายไม่อิงกระแส และมักจะชื่นชมหนังรางวัล จนอาจเรียกว่าเป็นคนดูหนังรางวัล
จนเกิดกระแสปะทะกันระหว่าง คนดูหนังสายแมส กับ สายรางวัล ได้
ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนดูหนังสายแมสที่แบกความอยากดูเข้าไปก่อนดูหนัง หรือรักหนังก่อนดูไปแล้ว หรือจะเป็นอีกสายหนึ่งที่แบกความรำคาญเข้าไปดูเพราะคนเห่อกระแสจนน่ารำคาญ
ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็น การวิจารณ์จากสองเพจดังที่เห็นกัน
อีกฝ่ายก็อวยไส้แตก
อีกฝ่ายก็ด่าแหกติ่ง
แล้วสุดท้ายตรงกลางมันอยู่ตรงไหน
สุดท้ายนี่คือหนังทีดีที่สุดในชีวิตจริงหรือ ?
หรือนี่คือหนังห่วยจนไม่มีคุณค่าอะไรหลงเหลืออยู่จริงหรือไม่ ?
การอวยหนังเวอร์จนเกินจริงจนเหมือนว่าเป็นคนของค่ายหนังซะเอง หรือต้องการจะแหวกกระแสติ่งเพื่อให้คนตาสว่าง
บทสรุปที่ได้ไม่สามารถวัดได้ว่าเป็นอย่างไร
แต่ก็สนุกดีที่กรณีนี้ทำให้เราได้มีตัวอย่างว่า นี่ก็เป็นวัฒนธรรมการดูหนังและการวิจารณ์หนังในโลกโซเชียลมีเดียเหมือนกัน
ว่าแต่เราจะจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มนักดูหนังฝ่ายไหนกันดี ?